วิธีการโปรโมทสินค้า แบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก

          ไม่ว่าจะเป็นธุรการประเภทไหนย่อมต้องการให้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มคนที่สนใจด้วยกันทั้งสิ้น คงไม่มีใครที่เปิดบริษัทมาโดยไม่หวังผลกำไร หรือไม่หวังที่จะทัดเทียบคู่แข่งถึงแม้จะเป็นคู่แข่งรายใหญ่หรือรายเล็กก็ตาม ซึ่งกลวิธีที่ใช้สำหรับโปรโมทสินค้ามีหลายวิธีด้วยกัน ตัวอย่างเช่น

1. การลงโฆษณาด้วยภาพเคลื่อนไหวบนสื่อทีวี โดยใช้พรีเซ็นเตอร์ที่เป็นที่รู้จัก หรือมีเนื้อหาที่กระตุ้นความสนใจอาจเป็นเสียงเพลง หรือคำพูดที่ติดปาก
2. การลงป้ายโฆษณาในที่สาธารณะ ที่มีผู้คนพรุกพรานเพื่อให้เกิดความชินตา เช่น ป้ายรถเมย์ ตึก รถเมล์ สถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง
3. การแจกแผ่นพับ หรือใบปลิว ด้วยการจัดเรียงถ้อยคำที่สละสลวย เพื่อดึงดูดใจ และเป็นการเชิญชวนให้มีผู้ให้ความสนใจได้เข้ามาใช้บริการ หรือติดตามสินค้าเพื่อทดลองใช้

        ซึ่งทั้งสามวิธีโปรโมทที่ได้พูดมาอาจไม่ได้เฉพาะ เจาะจงไปถึงกลุ่มลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการลงสื่อที่ไม่สามารถทราบผลการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้เลย ซึ่งเรามีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและวัดประเมินผลจากจำนวนผู้ให้วามสนใจได้ นั้นคือ

•   การโปรโมทเว็บไซต์ด้วยวิธีการทำ seo และ adword โดยใช้กลุ่มคำเป็นตัวเชื่อมโยงให้ผู้ที่มีความสนใจจริงได้ทำการเสิร์ทหา และเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา แต่สิ่งสำคัญได้แก่ การเขียนเนื้อหาที่ต้องถูกใจทั้งผู้อ่านและกูเกิ้ลบอทที่เข้ามาเก็บข้อมูลด้วย

วิธีการจองห้องพักกับทางโรงแรม

    การจองห้องพักของโรงแรมหรือรีสอร์ทต่างๆเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องทำก่อนตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว หากตัวนักท่องเที่ยวไม่สามารถหาที่พัก เช่น บ้าน คอนโดฯ หรืออพาร์ทเม้นท์ของคนรู้จักได้ เพื่อความสะดวกสบายในการท่องเที่ยว ยกเว้นแต่ว่าจะเดินทางแบบแบ็กแพ็ค...ค่ำไหนนอนนั่น

1. การจองห้องพักหน้าฟร้อนท์ของโรงแรม เป็นวิธีการจองห้องพักที่เสี่ยงมาก เพราะนักท่องเที่ยวไม่มีทางรู้ว่า ทางโรงแรมจะมีห้องพักแบบไหนบ้าง จะมีห้องว่างให้เช็คอินหรือไม่ ราคาค่าห้องต่อคืนเท่าไร ทางโรงแรมจะคิดค่าบริการอะไรอย่างไรบ้าง เป็นต้น การหาที่พักเอาดาบหน้าแบบนี้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าทำจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเที่ยวไม่สนุก เพราะต้องมาเครียดเรื่องไม่มีที่พัก
2. การจองผ่านทางโทรศัพท์ ดีกว่าแบบแรกตรงที่อย่างน้อยก็โทรฯไปสอบถามรายละเอียดกับทางโรงแรมก่อนจะตัดสินใจเข้าพัก แต่ต้องระวังในการสื่อสารกันให้ดี อีกอย่างคืออาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย เช่น การบันทึกข้อมูลของลูกค้าผิดพลาดของพนักงานโรงแรม และแม้จะสอบถามกับทางโรงแรม ลูกค้าก็อาจยังได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ยังไม่เพียงพอ
3. การจองผ่านเว็บไซต์รับจองห้องพัก ถือเป็นการจองห้องพักที่สะดวก เพราะเป็นการจองห้องพักแบบออนไลน์ การส่งต่อข้อมูลถึงกันระหว่างเว็บไซต์รับจองกับทางโรงแรมรวดเร็ว แต่การดำเนินการหลังจากที่เราจองอาจช้า เพราะเว็บไซต์รับจองห้องพักเหล่านี้ต้องรับจองห้องพักของโรงแรมหลายๆแห่ง ดังนั้นข้อมูลการสั่งจองห้องพักกับทางโรงแรมที่เราจะไปพักอาจช้า และมีสิทธิ์เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
4. การจองผ่านระบบจองห้องพักของทางโรงแรมโดยตรง เป็นวิธีการจองห้องพักที่ดีที่สุด เพราะข้อมูลการสั่งจองกับทางโรงแรมจะไม่ต้องผ่านคนกลาง ทำให้การดำเนินการส่งข้อมูลการสั่งจองของเราไปถึงทางโรงแรมอย่างแน่นอน ไม่มีการตกหล่น ทำให้การสั่งจองห้องพักเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอการดำเนินการและกังวลกับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับการจอง ยิ่งกว่านั้นการจองในลักษณะนี้ยังทำให้ลูกค้ามีข้อมูลของทางโรงแรมที่น่าเชื่อถือและมากเพียงพอที่ใช้ตัดสินใจในการจองห้องพักอีกด้วย

องค์ประกอบของการทำร้านค้าออนไลน์

         การทำร้านค้าออนไลน์หรือการเปิดขายหน้าร้าน กลยุทธ์ที่จะทำให้ลูกค้าสนใจและแวะเข้ามาชมสินค้าในร้านก็มีองค์ประกอบสำคัญไม่ต่างกัน หลายท่านคงทราบดีถ้าพูดถึง 4P ได้แก่ Product, Price, Place, Promotion แต่การทำร้านค้าออนไลน์จะต้องเพิ่มองค์ประกอบที่สำคัญอีก 2P คือ Personalization และ Privacy รวมทั้งหมดเป็น 6P มีความสำคัญดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์ (Product) จะต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ไม่เพียงแต่โชว์หน้าเว็บให้ดูดีแต่หน้าร้านกับเป็นสินค้าที่ไม่ตรงความต้องการและคุณภาพไม่เพียงพอ 
2. ราคา (Price) ถ้าเป็นร้านค้าออนไลน์การกำหนดราคาจะต้องคำนึงถึงการจัดส่งด้วย และควรที่จะประเมินราคาตามความเหมาะสม 
3. ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) ขายหน้าร้านถ้าทำเลดีๆ เหมาะๆ ก็ดีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว สำหรับการขายของบนโลกอินเตอร์เน็ตก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางเช่นกัน 
4. การส่งเสริมการขาย (Promotion) ข้อนี้สำคัญมากในการเรียกความสนใจของลูกค้าให้มาซื้อของในร้าน การโปรโมทสินค้าบนอินเตอร์เน็ทเป็นช่องทางที่กว้างที่สุดแล้วในขณะนี้ 
5. การให้บริการแบบเจาะจง (Personalization) ด้วยความก้าวหน้าไปมากด้านอินเตอร์เน็ททำให้การเจาะกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสินค้าในร้านค้าออนไลน์เป็นไปได้ง่ายมากขึ้น และสามารถเสนอสินค้าได้ตรงกลุ่มมากที่สุด 
6. การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy) ความเป็นส่วนตัวเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเมื่อมีการให้ข้อมูลซื้อขายรวมถึงข้อมูลส่วนตัวก็ควรที่จะระมัดระวัง และทางเจ้าของเว็บไซต์ก็ควรที่จะมีความสื่อตรงไม่เผยแพร่ข้อมูลลับของผู้ซื้อไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

domain คืออะไร

         domain หรือที่เรียกกันว่าชื่อโดเมน ขออธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ เลยว่า เป็นชื่อของเว็บไซต์ที่จดมาแล้ว และใช้ให้มีคนเรียกและจดจำได้ง่ายๆ เช่น www.ชื่อโดเมน.com นั่นเอง ชื่อ domain จะประกอบไป 2 ส่วน คือ

1. ชื่อ ซึ่งคุณอาจจะใช้เป็น ชื่อบุคคล องค์กร แบรนด์สินค้า ชื่อบริษัท ชื่อร้านค้า หรืออื่นๆ ซึ่งมีหลักอยู่ว่า การเลือกใช้ชื่อโดเมนนั้นจะต้องคำนึงถึงการสื่อออกมาให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจได้ง่ายว่าเว็บไซต์นี้เกี่ยวกับอะไร 
2. นามสกุล คือ ประเภทของเว็บไซต์ ซึ่งจะอยู่หลังเครื่องหมายจุด (.) ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 
• โดเมนเนมสากล เช่น .com, .net, .org สามารถของจดได้กับผู้ให้บริการจด domain ทั่วไป ทั้งภายในและนอกประเทศ 
• โดเมนเนมภายในประเทศ เช่น .go.th, .co.th สามารถของจดได้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่จด domain ในประเทศเท่านั้น 

         ชื่อโดเมน เป็นสิ่งที่ควรเอาใจใส่ในการเลือกชื่อ เพราะหากเป็นชื่อที่ไม่สื่อความหมายใดๆ ที่เกี่ยวกับองค์กรหรือบริษัทของคุณ ก็อาจจะถูกมองข้ามได้ และในมุมตรงกันข้าม หรือเป็นชื่อที่เห็นแล้วน่าสนใจหรือเป็นที่ชื่อที่ดูแล้วรู้เลยว่าเว็บนั้นเกี่ยวกับอะไร ผลที่ได้คือเว็บไซต์นั้นก็มีโอกาสเปิดดูสูงกว่าเว็บอื่น และต่อมาสิ่งที่สำคุญไม่แพ้ชื่อ domain นั้นคือ เนื้อหาหรือข้อความในเว็บไซต์ของคุณเป็นเนื้อหาที่น่าอ่าน น่าสนใจ และสื่อออกมาได้เข้าใจง่าย ซึ่งก็จะทำให้ผู้เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณจะกลับเข้ามาดูอีกในครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆ

ระยะการดำเนินการในการจดทะเบียนโดเมน

           ผู้ที่เคยจดทะเบียนโดเนมหลายท่านอาจทราบว่า ระยะการดำเนินการในการจดทะเบียนโดเมนแต่ละครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันขึ้นไป ทั้งๆที่เมื่อเราจดโดเมนเนมกับผู้ประกอบการแล้ว ผู้รับจดโดเมนเนมก็สามารถบันทึกโดเมนเนมของเราได้ทันที และเราก็ต้องสามารถใช้งานเว็บไซต์ของเราภายใต้ชื่อโดเมนนั้นได้ทันทีเช่นกัน ที่มาของระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าวเกิดจาก 2 สาเหตุ

1. การจดทะเบียนโดเนมในประเทศไทยกับผู้ให้บริการรับจดโดเมนเนมในประเทศไทย ยังไม่ถือว่าเป็นการจดทะเบียนโดเมนเนมอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขาเป็นเพียงตัวแทนรับการจดทะเบียนโดเมนจากลูกค้าในประเทศไทยเท่านั้น  และส่งต่อการจดทะเบียนโดเมนของลุกค้าชาวไทยให้กับผู้ที่มีอำนาจในการจดทะเบียนโดเมน (Registar ) ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศใหญ่ๆ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะบริษัทผู้เป็นตัวแทนรับจดทะเบียนโดเมนในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรกับ Registar ในต่างประเทศทั้งสิ้น
2. เมื่อมีการเรียกดูโดเมนเนมนั้นจะต้องถูกเชื่อมต่อไปถึงผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่าน (ISP) นั่นคือ registar ที่รับจดทะเบียนโดเมนเนมของเรานั่นเอง ซึ่งจะตรวจสอบว่าโดเมนที่เรียกดูนั้นอยู่ที่เครื่อง server ที่มี IP Address หมายเลขใด แล้วก็จะเชื่อมต่อเข้าไปยัง server ที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์นั้น แม้ในปัจจุบันจะมีการบันทึก IP Address ของเครื่อง server ไว้อย่างน้อยวันละครั้งหรือสองวันครั้ง เมื่อเราเรียกดูเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อทำให้เราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้อย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม แต่ด้วยปริมาณการเรียกดูใช้งานเว็บไซต์ที่มากขึ้นทุกวันๆ ทำให้ ISP ต้องรองรับการเรียกดูของหลายๆเว็บไซต์และปริมาณการทำงานของแต่ละเว็บไซต์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เมื่อเราจดทะเบียนโดเมนเนมแล้ว เราจึงต้องรอระยะการดำเนินการมากกว่า 1 วัน